• Home
  • / News
  • / Functional Foods for Wellness Summit (FFWS)

Functional Foods for Wellness Summit (FFWS)

Post Date : 20 February 2025

การประชุม Functional Foods for Wellness Summit (FFWS) ซึ่งจัดขึ้นเมื่อ วันที่ 15-16 มกราคม 2025 เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้เชี่ยวชาญ ผู้นำในอุตสาหกรรม และผู้สนใจด้านสุขภาพและโภชนาการได้เจาะลึกถึงความก้าวหน้าในด้าน functional food อันเป็นผลิตภัณฑ์อาหารที่เสริมส่วนประกอบเพิ่มคุณประโยชน์ด้านสุขภาพที่มากกว่าการให้คุณค่าสารอาหารพื้นฐาน  อัพเดตเรื่องนโยบายและกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับโรงงานอุตสาหกรรมผลิตอาหารสุขภาพหรือ functional food เรื่องอุปสรรคความท้าทายในการเข้าถึงตลาด และกระบวนการกล่าวอ้างทางสุขภาพ (Health Claims) สำหรับผลิตภัณฑ์อาหารสุขภาพ โดยมีวิทยากรและผู้ประกอบการจากหลายประเทศในภูมิภาค รวมถึงวิทยากรระดับโลกที่ร่วมแบ่งปันข้อมูล นวัตกรรม ตลอดจนคาดการณ์อนาคตในอุตสาหกรรมอาหารเพื่อสุขภาพ  ไปจนถึงการวางแผนธุรกิจตามแนวโน้มผู้บริโภคในยุคใหม่ที่ให้ความสำคัญกับ functional food

ภายในงานมีผู้ประกอบการระดับโลกเข้าร่วมอย่างคับคั่ง ทั้งจากประเทศญี่ปุ่น สิงคโปร์ ไต้หวัน จีน มาเลเซีย และโปแลนด์ อาทิ Morinaga, Kyowa Hakko Bio, Kaneka, Readline, SynbioTech, Biotropics, Bart และ Biobor

หนึ่งในผู้ประกอบการที่ได้รับความสนใจคือ Kyowa Hakko Bio (ภายใต้ Kirin Holdings) ซึ่งเป็นผู้ผลิต Human Milk Oligosaccharides (HMOs) รายแรกในเอเชีย โดย HMOs เป็นพรีไบโอติกสำคัญที่พบในน้ำนมแม่ ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน กระตุ้นการพัฒนาสมอง และลดการอักเสบในเด็กทารก 

 ปัจจุบัน Kyowa Hakko Bio ได้ลงทุนสร้างโรงงานในประเทศไทยในนาม Thai Kyowa Biotechnologies ตั้งแต่ปี 2563 โดยมีแผนการผลิต HMOs มากถึง 300 เมตริกตันต่อปี และยังพัฒนาวิธีการผลิต HMOs ใหม่ๆ เพื่อให้ผู้ผลิตนมผงสามารถนำ HMOs ซึ่งจำลองคุณสมบัติคล้ายกับน้ำนมแม่ มาใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ 

ภายในงานยังได้มีการนำเสนอนวัตกรรมใหม่ อาทิ การใช้จุลินทรีย์ในการผลิตอาหารเพื่อสุขภาพ การพัฒนาโปรไบโอติกและโพสต์ไบโอติกที่ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันและลดการอักเสบ

การประชุมยังเน้นย้ำให้ผู้ประกอบการให้ความสำคัญกับกระบวนการผลิตที่ต้องสอดคล้องกับมาตรฐาน เช่น CODEX, GHBs และ HACCP เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค พร้อมลดปัจจัยเสี่ยงด้านความปลอดภัย  นอกจากนี้ อีกประเด็นสำคัญคือกระบวนการทาง Health Claims ซึ่งองค์กรอย่าง International Probiotics Association (IPA) และ Health Food and Supplement Association (HFSA) กำลังผลักดันกฎหมายและข้อกำหนดเพื่อสร้างความโปร่งใสและความปลอดภัยในอุตสาหกรรมอาหารเพื่อสุขภาพ 

ในแง่ของโอกาสทางธุรกิจ ตลาดอาหารฟังก์ชันในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว คาดว่าจะสูงถึง 71,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 2025 เพิ่มขึ้นจาก 51,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2019 การเติบโตนี้เกิดจากหลายปัจจัยทั้งในเรื่องของความกังวลเรื่องสุขภาพที่เพิ่มขึ้น การสนับสนุนจากรัฐบาลและองค์กรด้านสุขอนามัย การพัฒนานวัตกรรมทำให้สามารถสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตอย่างมีสุขภาพได้มากขึ้น

การบริโภคอาหารฟังก์ชันกำลังกลายเป็นแนวโน้มหลักในตลาดเอเชียแปซิฟิก เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค โดยสามารถใช้ประโยชน์จากงานวิจัยภายในประเทศอย่าง ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) ที่ได้พัฒนาแพลตฟอร์มเทคโนโลยีส่วนผสมฟังก์ชั่นจากจุลินทรีย์ในระดับอุตสาหกรรม มีทั้งหมด 2 ส่วน ได้แก่ 1. กระบวนการผลิตโพรไบโอติก ที่ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันและระบบทางเดินอาหาร 2. การพัฒนาส่วนของเหลือใช้จากกระบวนการผลิต (โพสไบโอติก Postbiotic) มีฤทธิ์ในการต้านการอักเสบและต้านอนุมูลอิสระ

ส่วนโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญอย่าง “โรงงานต้นแบบไบโอรีไฟเนอรี“ ซึ่งเป็นการแปรรูปชีวมวลด้วยกระบวนการทางกายภาพ เคมี และ/หรือชีวภาพเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ฐานชีวภาพ (Bio-based product) ประเภทต่างๆ อาทิ ผลิตภัณฑ์เคมีชีวภาพ วัสดุชีวภาพ สารชีวภาพที่ให้คุณสมบัติพิเศษสำหรับนำไปผลิตเป็นอาหารเสริมสุขภาพ เครื่องสำอางและยา แต่การลงทุนโรงงานต้นแบบหนึ่งแห่งต้องใช้เงินลงทุนสูงมาก ดังนั้น  EECi จึงได้จัดตั้งโรงงานต้นแบบไบโอรีไฟเนอรี เพื่อเป็นแพลตฟอร์มการให้บริการการขยายขนาดกระบวนการผลิตด้านไบโอรีไฟเนอรีได้หลากหลายชนิดของวัตถุดิบ กระบวนการ และผลิตภัณฑ์ โดยรองรับตั้งแต่กระบวนการต้นน้ำ ได้แก่ กระบวนการปรับสภาพชีวมวล (Biomass pretreatment) กระบวนการแปรรูปด้วยการหมักหรือการเร่งปฏิกิริยาทางชีวภาพ  (Upstream fermentation process) จนไปถึงกระบวนการแยกเพื่อเก็บเกี่ยวผลิตภัณฑ์ที่ผลิตได้ (Downstream process) โรงงานต้นแบบมีทั้งระบบที่ออกแบบมาตรฐาน GMP (Good Manufacturing Practice) เพื่อรองรับการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ประเภทอาหาร หรือเวชสำอาง ได้แก่ สารที่ให้ประโยชน์เชิงหน้าที่ (Functional ingredient) อาหารเสริมสุขภาพ (Nutraceuticals and functional food) และระบบที่เป็น Non-GMP เพื่อรองรับการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ชีวภาพอื่นๆ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เคมีชีวภาพ (Biochemicals) และสารชีวภาพที่ให้คุณสมบัติพิเศษ (Biospecialty) โดยโรงงานแห่งนี้จะมีถังหมัก (Fermenter) มาตรฐาน GMP ที่มีขนาด 15,000 ลิตร เพื่อรองรับการผลิตผลิตภัณฑ์ที่สามารถทดสอบตลาดได้

สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจ สามารถติดต่อเพื่อสอบถามข้อมูลได้ที่ทีมงาน IBIG ภายใต้ EECi ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบดำเนินงานและดูแลโรงงานต้นแบบไบโอรีไฟเนอรี่ email: info@eeci.or.th

ที่มา:

– BIOTEC: https://www.biotec.or.th 

– EECi IBIG Biorefinery: https://eeco.or.th 

– ข้อมูลการประชุม FFWS 2025

footer-shape