CASE mobility
โพสเมื่อ : 3 กรกฎาคม 2024
บริบทของการเดินทางกำลังอยู่ระหว่างการเปลี่ยนแปลงรูปแบบไปอย่างสิ้นเชิง โดยจะถูกขับเคลื่อนโดยการความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี 4 ด้าน ได้แก่ Connected, Autonomous, Shared, และ Electric (CASE) นวัตกรรมเหล่านี้กําลังพลิกโฉมวิถีการเดินทางและขนส่งสินค้า และจะสร้างระบบการขนส่งที่ยั่งยืน มีประสิทธิภาพ และเข้าถึงได้มากขึ้น
#Connected
ยานพาหนะที่สามาระเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตและสามารถสื่อสารระหว่างยานพาหนะด้วยกัน ทำให้เกิดเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่มาพร้อมกับอุปกรณ์เสริม ช่วยเพิ่มคุณสมบัติต่างๆ ในกับยานยนต์ เช่น ข้อมูลการจราจรแบบเรียลไทม์ตรวจวัดระยะไกล และการ update ซอฟต์แวร์แบบ over-the-air ซึ่งถือเป็นการวางรากฐานสำหรับการขนส่งที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
#Autonomous Driving
แม้ปัจจุบันเรามีระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง (ADAS) ก็ทำให้การขับขี่ปลอดภัยและง่ายขึ้นอยู่แล้ว แต่อีกไม่นาน ยานยนต์ไร้คนขับซึ่งใช้เซ็นเซอร์ กล้อง และ AI ในการนําทางโดยไม่ต้องอาศัยการควบคุมจากมนุษย์จะถูกพัฒนาขึ้นอย่างเต็มรูปแบบ และช่วยยกระดับความปลอดภัยทางถนนให้ดียิ่งขึ้น ลดปัญหาการจราจร และเพิ่มความคล่องตัวแก่ผู้ที่ไม่สามารถขับรถเองได้
#Shared Mobility
บริการยานพาหนะที่ใช้ร่วมกัน เช่น การเรียกรถ การแชร์รถ และโซลูชั่นสำหรับการเดินทางระยะสั้น หรือ microtransit กําลังเปลี่ยนรูปแบบการเป็นเจ้าของยานพาหนะ บริการเหล่านี้ทำให้การเดินทางสะดวก ราคาไม่แพง และไม่จำเป็นต้องมียานพาหนะส่วนตัว สามารถลดจำนวนยานพาหนะบนท้องถนนและส่งเสริมการใช้ระบบขนส่งสาธารณะ
#Electric Vehicles
รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่แทนเชื้อเพลิงฟอสซิล ได้รับการพัฒนาให้มีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีแบตเตอรี่ ช่วยเพิ่มระยะทางการขับขี่และลดต้นทุน ทําให้ EV สามารถแข่งขันกับรถยนต์แบบดั้งเดิมได้มากขึ้น การเปลี่ยนไปใช้ EV เป็นสิ่งสําคัญสําหรับการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และปรับปรุงคุณภาพอากาศในเมือง
อย่างไรก็ตาม การจะไปถึงจุดนั้นได้จะต้องมีการลงทุนอย่างมากในเทคโนโลยี โครงสร้างพื้นฐาน และนโยบาย
รัฐบาลและภาคอุตสาหกรรมต้องทำงานร่วมกันเพื่อสร้างกรอบการกํากับดูแล มาตรฐาน และสิ่งจูงใจที่จำเป็นเพื่อสนับสนุนการพัฒนาและการปรับใช้โซลูชันการเดินทาง ซึ่งรวมถึงการสร้างโครงสร้างพื้นฐานการชาร์จสำหรับ EV การปรัปรุงสภาพ ถนนและเมืองให้เอื้อต่อการทำงานของยานยนต์ไร้คนขับ
การเปลี่ยนไปสู่ยุคของ CASE ถือเป็นโอกาสที่สำคัญสำหรับภาคธรุกิจและ Startup เพราะรูปแบบการเดินทางที่เปลี่ยนไป จะส่งผลให้เกิดความต้องการผลิตภัณฑ์ บริการ และโซลูชันใหม่ๆ เพิ่มขึ้น SMEs สามารถใช้ประโยชน์จากความคล่องตัว นวัตกรรม และความรู้ในท้องถิ่นเพื่อเติมเต็มช่องที่เกิดขึ้นใหม่เหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของบริการซอฟต์แวร์และการวิเคราะห์ข้อมูลสำหรับการเดินทางและขนส่ง โซลูชั่นการใช้ยานพาหนะหรือการเดินทางร่วมกัน การสร้างฮับการเดินทางที่ผสานการเดินทางหลายรูปแบบเข้าด้วยกัน การให้บริการฝึกอบรม ให้คําปรึกษา และสนับสนุนเทคโนโลยี CASE
ซึ่งความสำเร็จต่างๆ สามารถเกิดขึ้นได้เร็วขึ้นด้วยการทำงานร่วมกันและสร้างพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ SMEs สามารถเข้าถึงทรัพยากร ความเชี่ยวชาญ และตลาดที่จำเป็นต่อการพัฒนาสินค้าและบริการใหม่นี้
EECi ซึ่งมีแนวทางในการร่วมสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านอุตสาหกรรม และร่วมพัฒนาอุตสาหกรรมอนาคต จึงถือเป็นหนึ่งในทางเลือกในการเป็นพันธมิตรร่วมพัฒนา EECi ยังเป็น Sandbox ของยานยนต์ไร้คนขับ (CAV: Connected Autonomous Vehicle Sandbox) ซึ่งหลักๆ จะทำงานร่วมกับ กรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) และหน่วยงานอื่นๆ เพื่อการทดสอบยานยนต์ไร้คนขับ และยังรองรับการเป็น 5G Testbed ที่อนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่เพื่อการพัฒนาและทดสอบนวัตกรรม
ซึ่งการเป็น Regulatory Sandbox ก็จะเปิดโอกาสให้ภาคอุตสาหกรรม ภาคการศึกษาหรือนักวิจัยที่มีนวัตกรรม สามารถประโยชน์จาก EECi ในการทดสอบนวัตกรรมได้ จากเดิมที่ทำไม่ได้เพราะกฎหมายไม่เปิดโอกาสไว้ เป็นต้น ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนให้การพัฒนาอุตสาหกรรมการเดินทางแห่งอนาคตเกิดขึ้นเป็นรูปธรรมได้
กดติดตาม EECi เพื่อรับข่าวสารด้านนวัตกรรมที่น่าสนใจ
ต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร 0-2564-8000 email: info@eeci.or.th
=================================
Eastern Economic Corridor of Innovation (EECi)
Integrate Technologies, Accelerate Innovation
https://www.eeci.or.th/th/home
=================================
ที่มา:
https://www2.deloitte.com/uk/en/pages/manufacturing/articles/connected-and-autonomous-vehicles.html
https://about.bnef.com/electric-vehicle-outlook/
https://www.weforum.org/reports/the-future-of-the-last-mile-ecosystem