th | en
th | en

Megatrend 2023

โพสเมื่อ : 16 มกราคม 2023

หลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นในโลก วิกฤตการณ์ต่าง ๆ ที่เราได้เผชิญร่วมกันได้กระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ วิกฤตความยั่งยืนทางนิเวศวิทยาและความเสื่อมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติ มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงทั้งในแง่ของธรรมชาติ พลังงาน เทคโนโลยี และเศรษฐกิจ และส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คน

เพื่อให้เราพร้อมปรับตัวและรับมือกับการเปลี่ยนแปลง ในตอนนี้เราจะมาพูดถึงส่วนหนึ่งของ Megatrend สำคัญของปี 2023

เทรนด์ที่ 1 ภาวะเศรษฐกิจถดถอย

ประเทศส่วนใหญ่ทั่วโลกกําลังต่อสู้กับความท้าทายของอัตราเงินเฟ้อและภาวะถดถอย ซึ่ง Futurist อย่าง Bernard Marr อธิบายว่า “แนวโน้มเศรษฐกิจของโลกในภาพรวมดูไม่ดีนักในปี 2023 ผู้เชี่ยวชาญได้คาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อจะขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และเศรษฐกิจจะมีการเติบโตที่ช้าลง” จากมุมมอง ของ Tom Standage นักข่าวจากนิตยสาร The Economist คาดการณ์ว่า “ประเทศเศรษฐกิจหลักจะเข้าสู่ภาวะถดถอยเนื่องจากธนาคารกลางขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อยับยั้งอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งเป็นผลกระทบอันเนื่องมาจากการระบาดของ Covid-19 และจากราคาพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้น”

เทรนด์ที่ 2 การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

ความกังวลในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากโลกจะได้เห็นผลกระทบด้านลบได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ด้วยเหตุนี้ ความยั่งยืนจะเป็นปัจจัยสำคัญอันดับต้น ๆ ของหลายองค์กร นักวิเคราะห์ที่ Batterman Consulting เรียกแนวโน้มนี้ว่า “Neo-ecology” ซึ่งหมายถึงการเปลี่ยนแปลงไปสู่ระบบคุณค่าใหม่ในระบบเศรษฐกิจและชีวิตประจําวันของเรา แค่ “ดีกว่า, เร็วกว่า, ก้าวหน้ากว่า” จะไม่เพียงพออีกต่อไป แต่ต้องมาควบคู่กับการใช้ Technology ที่สอดคล้องกับประเด็นของความยั่งยืน และ ESG (Environment, Social, และ Governance ซึ่งเป็นแนวคิดเกี่ยวกับการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน) เช่น การบริโภคอย่างมีสติ การอนุรักษ์ทรัพยากร และการใช้เทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หน้าที่ของเราคือการความสมดุลระหว่างความเป็นอยู่ที่ดีของผู้คนและความเป็นอยู่ที่ดีของธรรมชาติให้เกิดขึ้นพร้อมกันอย่างเท่าเทียม

เทรนด์ที่ 3 การเปลี่ยนแปลงทางประชากรศาสตร์

ประชากรโลกเพิ่งทะลุ 8 พันล้านคน นักวิเคราะห์ของ PwC กล่าวว่า “จังหวะของการเปลี่ยนแปลงจะแตกต่างกันอย่างมากในแต่ละภูมิภาค ประชากรของแอฟริกาจะเติบโตเร็วที่สุด – คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าภายในปี 2050 ขณะที่ประชากรในยุโรปคาดว่าจะหดตัวลง ประชากรวัยเจริญพันธุ์ในละตินอเมริกาจะยังคงสูงกว่าอัตราการตาย อายุเฉลี่ยของประชากรญี่ปุ่นในปี 2050 คือ 53 ปี ในขณะที่อายุเฉลี่ยของชาวไนจีเรียจะอยู่ที่ 23 ปี” การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้มีผลกระทบทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับโลก ทุกประเทศจะต้องดําเนินนโยบายที่เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางประชากรศาสตร์นี้ เพื่อให้สามารถจัดการกับความซับซ้อนและความต้องการที่ต่างกันของจำนวนประชากรที่เปลี่ยนแปลงได้

เทรนด์ที่ 4 การขยายตัวของสังคมเมือง

การเติบโตของจำนวนประชากร ส่งผลให้เกิดการขยายตัวอย่างรวดเร็วของสังคมเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศแถบแอฟริกาและเอเชียที่มีการขยายตัวของเมืองอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้เกิดความต้องการในเรื่องของการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน บริการต่าง ๆ เกิดการสร้างงาน และเกิดผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม นี่ถือเป็นโอกาสที่สําคัญที่จะนำไปสู่การเติบโตอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม (Inclusive Growth) ซึ่งควรให้ความสําคัญกับ Flow ของเมือง และการนำเทคโนโลยีขั้นสูง อย่างเช่น ปัญญาประดิษฐ์ Internet of Things การสื่อสารโทรคมนาคม 5G และยานพาหนะไฟฟ้า เข้ามาช่วยสร้างสภาพแวดล้อมของเมืองให้ปลอดภัย สะอาด และมีประสิทธิภาพมากขึ้น

เทรนด์ที่ 5 การเกษตรขั้นสูง (Advanced Agriculture)

จากประเด็นต่าง ๆ ที่ได้กล่าวมาข้างต้น ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญในการปรับตัวของภาคเกษตรทั่วโลก ทิศทางการเติบโตที่เปลี่ยนไป จำนวนประชากรโลกที่ต้องจัดสรรอาหารมีมากขึ้น แต่กลับมีจํานวนประชากรชนบทที่เป็นกลุ่มคนภาคการเกษตรที่ทำหน้าที่ผลิตอาหารให้กับโลกน้อยลง ประกอบกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ และข้อจำกัดด้านทรัพยากรธรรมชาติ ความมั่นคงด้านอาหารจึงเป็นสิ่งที่เราจึงต้องให้ความสนใจมากขึ้น 

“เทคโนโลยี” และ “นวัตกรรม” จึงเข้ามามีบทบาทสําคัญในการสร้างระบบอาหารที่ยั่งยืน หน่วยงานภาครัฐ สถาบันการศึกษา องค์กรเอกชน และบริษัท ต้องทำงานร่วมกันเพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการผลิตอาหารให้กับคนทั้งโลก พัฒนาคุณภาพอาหารเพื่อสร้างเสริมสุขภาพ ลดอัตราการป่วยและการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร 

EECi ซึ่งจัดตั้งขึ้นโดยมีเป้าหมายในการยกระดับภาคอุตสาหกรรมและภาคการเกษตร ยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชนอย่างยั่งยืน จึงได้พัฒนา 4 เมืองนวัตกรรมขนาดใหญ่ ให้เป็นแพลตฟอร์มสนับสนุนการดำเนินงานตามเป้าหมาย ดังนี้

EECi #BIOPOLIS หรือ #เมืองนวัตกรรมชีวภาพ

จัดตั้งขึ้นเพื่อเพิ่มคุณภาพ คุณค่า และมูลค่า ให้กับสินค้าเกษตร โดยนำเทคโนโลยีมาเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตในแบบเกษตรสมัยใหม่หรือ Smart Farming ซึ่งมีสาขาเทคโนโลยีเป้าหมายในระยะแรก ได้แก่ นวัตกรรมการเกษตร เทคโนโลยีเคมีและชีวกระบวนการ เพื่อรองรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของอุตสาหกรรมชีวภาพและการผลิตสารที่ให้ประโยชน์เชิงหน้าที่

EECi #ARIPOLIS หรือ #เมืองนวัตกรรมระบบอัตโนมัติ หุ่นยนต์ และระบบอัจฉริยะ

จะเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อสนับสนุนกลุ่มอุตสาหกรรมเกษตรสมัยใหม่ กลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานชีวภาพและเคมีชีวภาพ ตลอดจนเทคโนโลยีเพื่ออุตสาหกรรม 4.0

#FOOD INNOPOLIS หรือ เมืองนวัตกรรมอาหาร

เป็นการประยุกต์วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม เข้ากับการพัฒนาอุตสาหกรรมอาหาร เพื่อยกระดับให้ได้คุณภาพมาตรฐานสากล ซึ่งจะเพิ่มมูลค่าในระบบนวัตกรรมอาหารอย่างครบวงจร ทั้งยังเพิ่มขีดความสามารถในการปรับตัวสู่โลกดิจิทัล

#SPACE INNOPOLIS หรือ เมืองนวัตกรรมการบินและอวกาศ

มุ่งพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านการบินและอวกาศ ด้วยการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่มีความจำเป็นต่ออุตสาหกรรมใหม่ในอนาคต

EECi จึงถือเป็น “ระบบนิเวศนวัตกรรมชั้นนำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” ที่พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ครบวงจร ไว้รองรับการขยายขนาดงานวิจัยและพัฒนา รวมถึงปรับแปลงเทคโนโลยีจากต่างประเทศให้เข้ากับบริบทของไทย เพื่อต่อยอดไปสู่การใช้งานจริงในภาคอุตสาหกรรมใหม่ได้อย่างสมบูรณ์

กดติดตาม EECi เพื่อรับข่าวสารด้านนวัตกรรมที่น่าสนใจ

ต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม email: info@eeci.or.th

=================================

Eastern Economic Corridor of Innovation (EECi)

Integrate Technologies, Accelerate Innovation

https://www.eeci.or.th/th/home

=================================

ที่มา

https://enterrasolutions.com/megatrends-to-watch-for-in-2023/

https://www.helsinkitimes.fi/world-int/22734-megatrends-2023-these-are-the-trends-we-cannot-ignore.html

footer-shape